สิวจากเครื่องสำอาง: สาเหตุ การรักษา และการป้องกัน
สิวจากเครื่องสำอางคืออะไร และมีลักษณะอย่างไร?
สิวจากเครื่องสำอาง (Acne Cosmetica) คือสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนเรื้อรังจากการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สิวชนิดนี้มักจะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ภายในเวลาหลายวันถึงหลายเดือนหลังใช้ผลิตภัณฑ์ และมีลักษณะเป็นสิวอุดตันขนาดเล็กที่ไม่ค่อยอักเสบ เช่น สิวหัวขาว โดยมักไม่มีอาการคันหรือเจ็บ สิวมักจะขึ้นในบริเวณที่ใช้เครื่องสำอางโดยตรง และสามารถเกิดขึ้นได้แม้กับคนที่ไม่เคยมีปัญหาสิวมาก่อน
ความแตกต่างระหว่างสิวแพ้เครื่องสำอางและสิวอุดตัน
สิวแพ้เครื่องสำอาง (Acne Venenata) เป็นปฏิกิริยาการอักเสบแบบเฉียบพลันคล้ายภูมิแพ้ ในขณะที่สิวอุดตันจากเครื่องสำอาง (Acne Cosmetica) เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนอย่างช้าๆ สิวแพ้เครื่องสำอางมักมีอาการระคายเคืองร่วมด้วย เช่น รอยแดง อาการคัน หรือตุ่มน้ำใส และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังสัมผัสสารเคมี ในทางตรงกันข้าม สิวอุดตันจากเครื่องสำอางมักไม่ค่อยมีอาการคันหรือเจ็บปวด และค่อยๆ เกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขนเป็นเวลานาน
ลักษณะเฉพาะของผดและสิวที่เกิดจากการแพ้
ลักษณะเฉพาะของผดและสิวที่เกิดจากการแพ้ (Acne Venenata) คือ เป็นปฏิกิริยาการอักเสบเฉียบพลันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากสัมผัสกับสารเคมีที่ก่อให้เกิดการแพ้ ซึ่งแตกต่างจากสิวอุดตันทั่วไป
โดยสิวประเภทนี้มักมีอาการระคายเคืองร่วมด้วย เช่น รอยแดง อาการคัน หรืออาจมีตุ่มน้ำใสเล็กๆ เกิดขึ้น โดยสรุปแล้ว สิวจากการแพ้เป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่ดูคล้ายสิวมากกว่าการอุดตันของรูขุมขน
3 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวจากเครื่องสำอาง
1. ส่วนผสมในเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการอุดตัน
ส่วนผสมในเครื่องสำอางที่มักก่อให้เกิดการอุดตันคือส่วนผสมที่มีเนื้อหนัก มีความเป็นน้ำมัน หรือมีลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง ซึ่งจะไปขัดขวางการทำงานของรูขุมขน
ส่วนผสมที่ควรระวังเป็นพิเศษ ได้แก่:
- น้ำมันที่มีคุณสมบัติอุดตันสูง: เช่น น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันอะโวคาโด
- เอสเทอร์ของกรดไขมัน: เช่น ไอโซโพรพิล ไอโซสเตียเรต (Isopropyl isostearate)
- สีย้อมและเม็ดสี: โดยเฉพาะสีย้อม D&C Red ที่ใช้ในบลัชออน
- ซิลิโคนบางชนิด: เช่น ไดเมทิโคน (Dimethicone) ที่สามารถสร้างฟิล์มเคลือบบนผิว
- สารแต่งกลิ่น: เช่น เบนซาลดีไฮด์ (Benzaldehyde)
2. การทำความสะอาดผิวหน้าที่ไม่เพียงพอ
การทำความสะอาดผิวหน้าที่ไม่เพียงพอจะทำให้เครื่องสำอางและน้ำมันบนผิวเกิดการสะสม ซึ่งจะเข้าไปอุดตันรูขุมขนและกลายเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ตัวอย่างเช่น รองพื้นและไพรเมอร์สามารถผสมกับน้ำมันบนผิวในระหว่างวัน และหากไม่ล้างออกให้หมดจด ส่วนผสมนี้จะทำให้เกิดการอุดตันและสิวตามมา โดยเฉพาะการนอนหลับทั้งที่ยังไม่ล้างเครื่องสำอางถือเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวจากเครื่องสำอาง (acne cosmetica)
3. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว สามารถทำให้สิวเห่อหรือแย่ลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อครีมเข้มข้นที่ออกแบบมาสำหรับคนผิวแห้งบนใบหน้าของคนผิวมันหรือเป็นสิวง่าย ซึ่งมักจะทำให้เกิดการอุดตันและสิวตามมา
ผลิตภัณฑ์ Non-Comedogenic ช่วยป้องกันสิวจากเครื่องสำอางได้จริงหรือ?
โดยทั่วไปแล้ว ใช่ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) หรือปราศจากน้ำมัน (oil-free) สามารถช่วยลดโอกาสการเกิดสิวจากเครื่องสำอางได้อย่างมาก
จากผลการศึกษาและประสบการณ์ทางคลินิกพบว่า เมื่อผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายเปลี่ยนมาใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน สิวของพวกเขามักจะดีขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักมีสูตรที่บางเบาและใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (water-based) จึงไม่ค่อยอุดตันรูขุมขนเหมือนเครื่องสำอางสูตรหนักในอดีต
นิยามของ Non-Comedogenic คืออะไร?
ผลิตภัณฑ์ Non-Comedogenic คือผลิตภัณฑ์ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาให้มีโอกาสอุดตันรูขุมขนหรือก่อให้เกิดสิวอุดตัน (comedones) ได้น้อย ฉลากนี้ถือเป็นแนวทางสำคัญในการป้องกันสิวจากเครื่องสำอาง แม้จะยังไม่มีมาตรฐานสากลที่ควบคุมการใช้คำนี้อย่างชัดเจน แต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมักจะหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่มีความเสี่ยงสูงในการอุดตันรูขุมขน การมองหาคำอื่นๆ เช่น “won’t clog pores” (ไม่อุดตันรูขุมขน) หรือ “oil-free” (ปราศจากน้ำมัน) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยคัดกรองผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อผิวเป็นสิวง่ายได้
วิธีการตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์
มองหาคำว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน), “oil-free” (ปราศจากน้ำมัน), และ “hypoallergenic” (สำหรับผิวแพ้ง่าย) บนฉลากผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นแนวทางในการเลือกเครื่องสำอางที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิว
- Non-comedogenic (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน): หมายถึงผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบมาให้มีโอกาสอุดตันรูขุมขมน้อยที่สุด
- Oil-free (ปราศจากน้ำมัน): เหมาะสำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย เพื่อหลีกเลี่ยงส่วนผสมของน้ำมันที่อาจทำให้เกิดการอุดตัน
- Hypoallergenic (สำหรับผิวแพ้ง่าย): หมายถึงผลิตภัณฑ์มีโอกาสก่อให้เกิดอาการแพ้ต่ำ ซึ่งช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบของผิวได้
แม้ว่าฉลากเหล่านี้จะเป็นแนวทางที่ดี แต่ก็ไม่ได้รับประกันผล 100% ดังนั้นจึงควรทดสอบผลิตภัณฑ์กับผิวบริเวณเล็กๆ (Patch Test) ก่อนใช้จริงเสมอ
วิธีรักษาสิวจากเครื่องสำอางอย่างถูกวิธีทำได้อย่างไร?
การรักษาสิวจากเครื่องสำอางอย่างถูกวิธีเริ่มต้นด้วยการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยและดูแลผิวเบื้องต้น จากนั้นจึงใช้ยาทาเฉพาะที่ที่หาซื้อได้เอง และปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากอาการไม่ดีขึ้น
คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาได้ดังนี้:
- การดูแลเบื้องต้น: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าเป็นสาเหตุทันที และล้างหน้าเบาๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนเพื่อขจัดสิ่งตกค้าง โดยไม่ต้องขัดถูรุนแรง
- การใช้ยาทาเฉพาะที่ (OTC): หากสิวยังไม่หาย สามารถใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่หาซื้อได้เองซึ่งมีส่วนผสมสำคัญ เช่น
- Salicylic Acid (BHA): ช่วยผลัดเซลล์ผิวและสลายการอุดตันในรูขุมขน เหมาะสำหรับสิวอุดตัน
- Benzoyl Peroxide (BPO): ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวและลดการอักเสบ เหมาะสำหรับสิวอักเสบหรือสิวหัวหนอง
- Adapalene: เป็นอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoid) ที่ช่วยควบคุมการผลัดเซลล์ผิวและป้องกันการเกิดสิวอุดตัน
- การรักษากับแพทย์ผิวหนัง: หากดูแลด้วยตัวเองแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 6-8 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาด้วยยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ เช่น ยาทากลุ่มเรตินอยด์ ยาปฏิชีวนะชนิดทาหรือรับประทาน หรือการทำหัตถการอื่นๆ เช่น การกดสิวหรือการทำเคมีคอลพีลลิ่ง
ขั้นตอนการดูแลผิวเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการแพ้
ขั้นตอนการดูแลผิวเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการแพ้คือ การหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยทันที จากนั้นให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นสิวเบาๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อกำจัดเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่ตกค้างอยู่
- ทามอยส์เจอไรเซอร์สูตรบางเบาและปราศจากน้ำมัน (oil-free) เพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
การเลือกใช้เวชสำอางเพื่อช่วยรักษาสิว
การเลือกใช้เวชสำอางเพื่อรักษาสิว ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ (active ingredients) ที่ได้รับการยอมรับ เช่น กรดซาลิไซลิก, เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ หรืออะแดพาลีน ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการรักษาสิวที่แตกต่างกัน
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid): เหมาะสำหรับสิวอุดตัน เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวและสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน
- เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide – BPO): มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว (P. acnes) และลดการอักเสบ จึงเหมาะสำหรับสิวอักเสบหรือสิวหัวหนอง
- อะแดพาลีน (Adapalene): เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ (retinoid) ที่ช่วยควบคุมการผลัดเซลล์ผิวและป้องกันการเกิดสิวอุดตันตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
เมื่อเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ควรเริ่มอย่างช้าๆ เพื่อให้ผิวปรับตัว และหากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้เองเป็นเวลา 6–8 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาในขั้นต่อไป
ตัวอย่างกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่แนะนำ
กลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่แนะนำ ได้แก่ รองพื้นชนิดน้ำที่ปราศจากน้ำมัน รองพื้นแบบฝุ่นมิเนอรัล และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงในการอุดตันรูขุมขน โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- รองพื้น (Foundation): ควรเลือกรองพื้นชนิดน้ำ (Liquid Foundation) ที่เป็นสูตรน้ำ (water-based) บางเบา และปราศจากน้ำมัน หรือรองพื้นแบบฝุ่นมิเนอรัล (Mineral Powder Foundation) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและมักมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (Cleanser): แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน เช่น โฟมล้างหน้าที่ไม่มีสารซัลเฟตที่รุนแรง หรืออาจทำความสะอาดสองขั้นตอน (Double Cleanse) โดยใช้ไมเซล่า วอเตอร์ (Micellar Water) หรือเมคอัพรีมูฟเวอร์ที่ปราศจากน้ำมันก่อน แล้วตามด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าปกติ
- ไพรเมอร์ (Primer): ควรเลือกไพรเมอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นแต่มีเนื้อบางเบา หรือเบลอครีม (Blur Cream) ที่ระบุว่าปราศจากน้ำมัน (oil-free) และเป็นสูตรน้ำ (water-based) เพื่อสร้างชั้นผิวที่เรียบเนียนโดยไม่อุดตัน
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อเวชสำอาง
ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อเวชสำอางคือ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) หรือ “oil-free” (ปราศจากน้ำมัน) และควรทดสอบผลิตภัณฑ์กับผิวก่อนใช้จริงเสมอ เนื่องจากฉลากไม่ใช่การรับประกันผลอย่างสมบูรณ์
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดสิวจากเครื่องสำอาง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- ตรวจสอบฉลาก: มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีข้อความว่า “won’t clog pores” (ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน), “non-acnegenic” (ไม่ก่อให้เกิดสิว), “hypoallergenic” (สำหรับผิวแพ้ง่าย) หรือ “fragrance-free” (ปราศจากน้ำหอม)
- ทดสอบผลิตภัณฑ์ (Patch Test): ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่กับใบหน้า ควรทดลองทาบริเวณเล็กๆ ที่ผิวหนัง (เช่น ท้องแขนหรือหลังหู) เป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน เพื่อสังเกตอาการแพ้หรือการอุดตัน
- เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง เช่น ผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสูตรน้ำ (water-based) และไม่เหนียวเหนอะหนะ
ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเมื่อใด?
ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง เมื่อสิวมีอาการเจ็บปวด ก่อให้เกิดความทุกข์ใจ หรือไม่ตอบสนองต่อการดูแลเบื้องต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสิวไม่ดีขึ้นหลังจากหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยและลองรักษาด้วยตัวเองเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์แล้ว แพทย์ผิวหนังจะสามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำว่าสิวที่เกิดขึ้นเป็นสิวจากเครื่องสำอางหรือเป็นสิวประเภทอื่น การรักษากับแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นในระยะยาวได้
การเลือกเครื่องสำอางและสกินแคร์เพื่อจัดการปัญหาสิว
การเลือกคลีนซิ่งสำหรับผิวแพ้ง่าย
สำหรับผิวแพ้ง่าย ควรเลือกใช้ คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น คลีนเซอร์ชนิดโฟมที่ไม่มีส่วนผสมของสารซัลเฟตที่รุนแรง
คลีนเซอร์ที่ดีควรทำความสะอาดผิวได้หมดจดโดยไม่ทำให้ผิวรู้สึกแห้งตึงหลังล้างหน้า และควรมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงเกราะป้องกันผิว เช่น กลีเซอรีน (glycerin), เซราไมด์ (ceramides) หรือไนอะซินาไมด์ (niacinamide) นอกจากนี้ ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่รุนแรงหรือการขัดถูผิวแรงๆ เพื่อป้องกันการระคายเคืองเพิ่มเติม
การเลือกรองพื้นและแป้งสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ
รองพื้นที่เหมาะกับคนเป็นสิวคือ เครื่องสำอางที่มีเนื้อบางเบา เป็นสูตรน้ำ (water-based) สูตรซิลิโคน (silicone-based) หรือเครื่องสำอางประเภทมิเนอรัล (mineral-based) เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำที่จะอุดตันรูขุมขน
คำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกมีดังนี้:
- รองพื้นชนิดน้ำ (Liquid foundations): มองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “acne-safe” (ปลอดภัยสำหรับสิว) หรือ “for blemish-prone skin” (สำหรับผิวที่เป็นสิวง่าย) ซึ่งมักจะเป็นสูตรน้ำและปราศจากน้ำมัน บางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ช่วยรักษาสิว เช่น กรดซาลิไซลิก (salicylic acid)
- แป้งมิเนอรัล (Mineral powder foundations): เป็นอีกทางเลือกที่ดีเยี่ยม เนื่องจากมักไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
- คอนซีลเลอร์ (Concealers): ควรเลือกสูตรที่ปราศจากน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน โดยคอนซีลเลอร์ชนิดน้ำมักมีโอกาสอุดตันน้อยกว่าชนิดแท่งหรือชนิดครีมที่มีส่วนผสมของแว็กซ์
- เทคนิคการปกปิด: หากต้องการการปกปิดสูง ควรเลือกใช้รองพื้นเนื้อบางเบาที่สามารถทาทับเป็นชั้นๆ ได้ แทนการใช้รองพื้นเนื้อครีมหนักๆ เพียงชั้นเดียว
เป็นสิวสามารถแต่งหน้าได้หรือไม่ และควรแต่งอย่างไร?
สามารถแต่งหน้าได้ หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะและมีวิธีการใช้ที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้อาการสิวแย่ลง
เพื่อการแต่งหน้าที่ปลอดภัยต่อผิวเป็นสิว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: ใช้เครื่องสำอางที่ระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน), “oil-free” (ปราศจากน้ำมัน) หรือเครื่องสำอางประเภทมิเนอรัล (mineral makeup) ซึ่งมักเป็นสูตรน้ำหรือซิลิโคนเบสที่บางเบาและไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
- ใช้วิธีการที่อ่อนโยน: ควรใช้วิธีการแตะหรือกดเบาๆ ด้วยฟองน้ำหรือแปรงที่สะอาดแทนการถูแรงๆ เพื่อลดการระคายเคืองและการอักเสบของสิว
- รักษาความสะอาด: ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจดทุกคืนก่อนนอน และทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า เช่น แปรงหรือฟองน้ำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
เทคนิคการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้าสำหรับคนเป็นสิว
เทคนิคการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้าสำหรับคนเป็นสิวคือการใช้ไพรเมอร์ที่บางเบาและปราศจากน้ำมัน (oil-free) หรือใช้สกินแคร์ประเภทเจลหรือเซรั่มเป็นเบสแทน เพื่อลดจำนวนชั้นของผลิตภัณฑ์บนผิวและลดความเสี่ยงในการอุดตัน
คุณสามารถเตรียมผิวได้โดยวิธีต่อไปนี้:
- ใช้ไพรเมอร์ที่เหมาะสม: เลือกไพรเมอร์สูตรน้ำ (water-based) ที่ระบุว่า “oil-free” และทาเป็นชั้นบางที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ใช้สกินแคร์แทนไพรเมอร์: อีกทางเลือกหนึ่งคือใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเจลหรือเซรั่มที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นเบสก่อนแต่งหน้า ซึ่งจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนโดยไม่ต้องเพิ่มผลิตภัณฑ์อีกชั้น
- ลดขั้นตอนให้เหลือน้อยที่สุด: เป้าหมายคือการใช้ผลิตภัณฑ์บนผิวหน้าให้น้อยชิ้นที่สุดเท่าที่จำเป็น เพื่อลดโอกาสที่เครื่องสำอางจะไปสะสมและอุดตันรูขุมขน
เคล็ดลับการป้องกันเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นสิวจากเครื่องสำอางซ้ำ
เคล็ดลับสำคัญในการป้องกันสิวจากเครื่องสำอางคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) รักษาสุขอนามัยของอุปกรณ์แต่งหน้าอย่างเคร่งครัด และเลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นสิวซ้ำได้อย่างมาก
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: มองหาเครื่องสำอางที่มีฉลากว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน), “oil-free” (ปราศจากน้ำมัน) หรือ “won’t clog pores” (ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน)
- รักษาสุขอนามัย: ล้างแปรงและฟองน้ำแต่งหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ไม่ใช้อุปกรณ์ร่วมกับผู้อื่น และล้างมือก่อนแต่งหน้าเสมอ
- ทำความสะอาดผิวให้หมดจด: ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดทุกคืนก่อนนอน โดยอาจใช้วิธี double cleanse คือใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางก่อนแล้วตามด้วยคลีนเซอร์ที่อ่อนโยน
- ทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่: ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่กับใบหน้า ให้ทดลองทาบริเวณเล็กๆ เป็นเวลาหลายวันเพื่อตรวจสอบว่าเกิดการระคายเคืองหรือสิวอุดตันหรือไม่
- ดูแลไลฟ์สไตล์: นอนหลับให้เพียงพอ จัดการความเครียด และใส่ใจเรื่องอาหาร เนื่องจากปัจจัยอย่างอาหารที่มีน้ำตาลสูงอาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้
References
- American Academy of Dermatology – aad.org
- CCTV (China Central Television) – cctv.com
- Cetaphil – cetaphil.com
- Dermsquared – dermsquared.com
- DXY (Chinese medical portal) – dxy.com