ฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง มีความเสี่ยงไหม?
การฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย คืออะไร และทำงานอย่างไร?
การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยคือการใช้สารนิวโรมอดูเลเตอร์ (neuromodulator) เพื่อทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าคลายตัว ซึ่งจะช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น รอยตีนกา หรือรอยย่นบริเวณหน้าผาก
โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์เฉพาะกับริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหว (Dynamic Wrinkles) ซึ่งเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อซ้ำๆ เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไป สารจะไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นชั่วคราว ทำให้ผิวหนังไม่เกิดการพับหรือย่น ส่งผลให้ริ้วรอยเดิมดูตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้ริ้วรอยลึกขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ทำความเข้าใจกลไกของ Botulinum Toxin ต่อกล้ามเนื้อ
โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ทำงานโดยการออกฤทธิ์เป็นสารปรับการทำงานของเส้นประสาท (neuromodulator) เพื่อคลายหรือทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลง การออกฤทธิ์นี้จะช่วยยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (dynamic wrinkles) เช่น รอยตีนกาและรอยย่นที่หน้าผาก
ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นเฉพาะที่ในกล้ามเนื้อที่ได้รับการรักษาเท่านั้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อบริเวณใกล้เคียง ทำให้ริ้วรอยลดลงในขณะที่ยังสามารถแสดงสีหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ความแตกต่างระหว่างการฉีด Botox กับฟิลเลอร์
Botox และฟิลเลอร์ทำงานแตกต่างกัน โดย Botox จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า ในขณะที่ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มปริมาตรเพื่อลดริ้วรอยร่องลึก
- Botox เป็นสารนิวโรมอดูเลเตอร์ (Neuromodulator) ที่ฉีดเข้าไปเพื่อยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับใบหน้าซ้ำๆ เช่น รอยตีนกา หรือรอยย่นที่หน้าผาก ลดลง
- ฟิลเลอร์ (Dermal Fillers) เป็นสารคล้ายเจลที่ฉีดเข้าไปเพื่อเติมเต็มหรือเพิ่มปริมาตรให้กับผิว ช่วยลดริ้วรอยร่องลึกที่มองเห็นได้แม้ไม่ได้แสดงสีหน้า ซึ่งมักเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนตามวัย
โดยสรุปคือ Botox “หยุด” การทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันการเกิดรอยยับ ในขณะที่ฟิลเลอร์ “เติมเต็ม” หรือยกกระชับเนื้อเยื่อเพื่อทำให้ริ้วรอยที่ฝังลึกดูเรียบเนียนขึ้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย?
ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Botox คือผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ (Dynamic Wrinkles) ซึ่งเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อมีการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า
ริ้วรอยประเภทนี้จะปรากฏชัดเมื่อคุณแสดงสีหน้าต่างๆ เช่น การขมวดคิ้ว, การยิ้ม, หรือการเลิกคิ้ว ตัวอย่างที่พบบ่อย ได้แก่
- รอยตีนกา
- ริ้วรอยระหว่างคิ้ว
- ริ้วรอยบนหน้าผาก
ในทางกลับกัน ผู้ที่มีริ้วรอยที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลาแม้ไม่ได้แสดงสีหน้า (Static Wrinkles) ซึ่งเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนหรือความเสื่อมของผิวตามวัย อาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีนักจากการฉีด Botox เพียงอย่างเดียว และอาจเหมาะกับฟิลเลอร์มากกว่า
ลักษณะของริ้วรอยที่ตอบสนองต่อการรักษาได้ดีที่สุด
ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า (Dynamic wrinkles) เป็นริ้วรอยที่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยโบท็อกซ์ได้ดีที่สุด
ริ้วรอยประเภทนี้เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อซ้ำๆ เมื่อแสดงอารมณ์ เช่น รอยตีนกา รอยย่นที่หน้าผาก หรือรอยขมวดคิ้ว โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์โดยการคลายกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว ทำให้ริ้วรอยจางลงอย่างเห็นได้ชัด ในทางตรงกันข้าม ริ้วรอยที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลาแม้ไม่ได้แสดงสีหน้า (Static wrinkles) จะเห็นผลจากการรักษาด้วยโบท็อกซ์เพียงเล็กน้อย
กลุ่มบุคคลที่ไม่แนะนำให้ฉีด Botox?
กลุ่มบุคคลที่ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ ได้แก่ ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของโบท็อกซ์, ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด, รวมถึงสตรีมีครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตร
จากข้อมูลในงานวิจัย กลุ่มที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ประกอบด้วย:
- ผู้ที่แพ้โบท็อกซ์: ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบใดๆ ในโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือส่วนประกอบอื่นๆ เช่น อัลบูมินจากมนุษย์ (human albumin)
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง: ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์หากผิวหนังบริเวณที่จะฉีดมีการติดเชื้อหรืออักเสบ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- สตรีมีครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตร: โดยทั่วไปแนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยที่ชัดเจน
การฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย มีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงหรือไม่?
ใช่ การฉีด Botox มีความเสี่ยงและผลข้างเคียง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นอาการที่ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคืออาการเฉพาะที่บริเวณที่ฉีด เช่น รอยช้ำเล็กน้อย บวม แดง หรือปวดศีรษะเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงหนึ่งสัปดาห์
ผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยแต่มีความสำคัญกว่า ได้แก่ หนังตาตกหรือคิ้วตก ซึ่งเกิดจากการกระจายของตัวยาไปยังกล้ามเนื้อข้างเคียง อาการเหล่านี้เกิดขึ้นชั่วคราวและจะหายไปเมื่อ Botox หมดฤทธิ์ ส่วนความเสี่ยงที่รุนแรง เช่น การแพร่กระจายของสารพิษไปยังส่วนอื่นของร่างกายจนทำให้มีปัญหาการกลืนหรือการหายใจนั้นเกิดขึ้นได้ยากมากในการฉีดเพื่อความงามโดยผู้เชี่ยวชาญ การเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์สูงจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการลดความเสี่ยงเหล่านี้
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยและวิธีจัดการเบื้องต้น
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือ ปฏิกิริยาเฉพาะที่บริเวณที่ฉีด เช่น รอยช้ำ บวม แดง และอาการปวดศีรษะเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายและจะหายไปเอง
คุณสามารถจัดการอาการเบื้องต้นได้ดังนี้:
- รอยช้ำ บวม และแดง: ประคบเย็นเบาๆ บริเวณที่ฉีดเพื่อช่วยลดอาการบวมและเลือดออก โดยปกติรอยแดงและอาการบวมจะหายไปในไม่กี่ชั่วโมง ส่วนรอยช้ำจะจางลงภายในหนึ่งสัปดาห์
- ปวดศีรษะ: หากมีอาการปวดศีรษะหลังการฉีด ซึ่งมักเป็นอาการปวดตึงๆ สามารถรับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไปเพื่อบรรเทาอาการได้
อาการบวม แดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
อาการบวม แดง หรือรอยช้ำ เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดหลังการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายและจะหายไปเอง โดยอาการแดงและบวมเล็กน้อยมักจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง ในขณะที่รอยช้ำจะค่อยๆ จางลงและหายไปภายในหนึ่งสัปดาห์ การประคบเย็นเบาๆ บริเวณที่ฉีดสามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
อาการปวดศีรษะชั่วคราวหลังการฉีด
อาการปวดศีรษะเล็กน้อยเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงหนึ่งวัน
อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นมักไม่รุนแรงและสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป ในกรณีที่พบได้น้อยมาก (ประมาณ 1%) อาการอาจคงอยู่นานถึง 2 สัปดาห์ แต่ก็จะหายไปเองในที่สุด สาเหตุที่แน่ชัดยังไม่เป็นที่ทราบ แต่อาจเกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อในขณะที่โบท็อกซ์เริ่มออกฤทธิ์ หรือเกิดจากปฏิกิริยาของเยื่อหุ้มกระดูกหากเข็มสัมผัสกับกระดูก
ความรู้สึกตึงหรือไม่เป็นธรรมชาติบนใบหน้า
ความรู้สึกตึงหรือแข็งบนใบหน้าเป็นความรู้สึกที่พบได้ปกติและเกิดขึ้นชั่วคราวหลังจากฉีดโบท็อกซ์
ความรู้สึกนี้มักจะสังเกตได้ชัดเจนที่สุดบริเวณหน้าผากหรือระหว่างคิ้ว ซึ่งสัมพันธ์กับการที่โบท็อกซ์เริ่มออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต โดยทั่วไปความรู้สึกตึงจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ เมื่อร่างกายคุ้นชินกับสภาวะที่กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และไม่ถือว่าเป็นอันตราย
ความเสี่ยงที่พบได้น้อยแต่ควรทราบมีอะไรบ้าง?
ความเสี่ยงที่พบได้น้อยแต่ควรทราบ ได้แก่ ภาวะหนังตาตกหรือคิ้วตก และการกระจายตัวของสารพิษไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นไม่บ่อยแต่มีความสำคัญ
- ภาวะหนังตาตกหรือคิ้วตก (Ptosis): เกิดขึ้นได้หากสารโบท็อกซ์กระจายไปยังกล้ามเนื้อข้างเคียงที่ไม่ต้องการรักษา แม้จะพบได้น้อย (ประมาณ 0.5–1% ในกรณีที่ฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญ) แต่อาจทำให้หนังตาหรือคิ้วตกลงมาผิดปกติ โดยอาการนี้จะเป็นเพียงชั่วคราวและจะหายไปเองใน 2-4 สัปดาห์
- ผลกระทบต่อกล้ามเนื้อส่วนอื่น: อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยยิ้มที่ไม่สมมาตร หากสารกระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม ซึ่งผลกระทบเหล่านี้จะหายไปเองเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์
- การกระจายตัวของสารพิษทั่วร่างกาย: เป็นความเสี่ยงที่รุนแรงที่สุดแต่พบได้ยากมากในการใช้เพื่อความงาม อาการที่ต้องระวังคือกล้ามเนื้ออ่อนแรงในบริเวณที่ไม่ได้ฉีด กลืนหรือหายใจลำบาก เสียงแหบ หรือมองเห็นภาพซ้อน ซึ่งหากเกิดขึ้นถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์
5 ตำแหน่งบนใบหน้าที่นิยมฉีด Botox ลดริ้วรอยมากที่สุด
1. ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก (Forehead Lines)
การฉีดโบท็อกซ์สำหรับริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เป็นการฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อฟรอนทาลิส (frontalis muscle) บริเวณกลางถึงส่วนบนของหน้าผาก เพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและริ้วรอยเรียบเนียนขึ้น
เทคนิคที่เหมาะสมจะช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างเห็นได้ชัด โดยยังคงสามารถแสดงสีหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะคิ้วตก ผลลัพธ์จะเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นาน 2-3 เดือน โดยผู้ป่วยกว่า 90% พบว่าริ้วรอยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
2. รอยตีนกาบริเวณหางตา (Crow’s Feet)
การฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีที่นิยมใช้ในการรักษารอยตีนกา โดยจะฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณหางตาเพื่อทำให้ริ้วรอยรูปพัดเรียบเนียนขึ้นทั้งในขณะที่ใบหน้าปกติและเวลายิ้ม
โดยทั่วไปจะใช้โบท็อกซ์ประมาณ 12-24 ยูนิตสำหรับทั้งสองข้าง ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นผลในไม่กี่วันและเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ ซึ่งจะคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน หลังการรักษา ผู้ป่วยมักรู้สึกว่าดวงตาดู “เปิด” และสดใสขึ้น
3. รอยขมวดคิ้ว (Glabellar Lines)
โบท็อกซ์มีประสิทธิภาพสูงในการรักษารอยขมวดคิ้ว ซึ่งมักจะช่วยให้ร่องลึกจากการขมวดคิ้วหายไปได้อย่างสมบูรณ์ในขณะที่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์
โดยทั่วไปจะใช้ปริมาณโบท็อกซ์ประมาณ 8 ถึง 40 ยูนิต ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของริ้วรอย ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าผู้ป่วยเกือบทั้งหมดมีรอยขมวดคิ้วที่ดีขึ้น และ 80-90% ยังคงเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างน้อยหนึ่งระดับหลังการรักษาเป็นเวลา 1 เดือน
4. รอยย่นรอบจมูก (Bunny Lines)
รอยย่นรอบจมูก หรือ Bunny Lines คือรอยย่นแนวทแยงที่ปรากฏบนสันจมูกเมื่อย่นจมูก ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการฉีดโบท็อกซ์ปริมาณเล็กน้อยเข้าที่กล้ามเนื้อนาซาลิส (nasalis muscle) ทั้งสองข้างของจมูก
โดยทั่วไปจะใช้โบท็อกซ์ประมาณ 5-10 ยูนิต เพื่อช่วยให้จมูกดูเรียบเนียนขึ้นและลดรอยย่นเวลาย่นจมูก ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นภายในหนึ่งสัปดาห์และคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน การรักษานี้มักทำควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกซ์ในส่วนอื่นๆ ของใบหน้าส่วนบนเพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
5. ริ้วรอยใต้ตาและรอบดวงตา
การฉีดโบท็อกซ์สามารถใช้รักษาริ้วรอยตีนกาและริ้วรอยใต้ตาได้ แต่มีเทคนิคและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
- ริ้วรอยตีนกา (Crow’s Feet): เป็นบริเวณที่รักษาได้ผลดีมาก โดยจะฉีดโบท็อกซ์บริเวณหางตาเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อยิ้มหรือแสดงสีหน้า และช่วยให้ดวงตาดู “เปิด” และสดใสขึ้น ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน
- ริ้วรอยใต้ตา (Under-Eye Wrinkles): เป็นเทคนิคขั้นสูงที่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การฉีดจะช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อใต้ตาได้ แต่จะได้ผลดีในผู้ที่มีสภาพผิวค่อนข้างยืดหยุ่น และไม่สามารถแก้ไขปัญหาร่องลึกหรือถุงใต้ตาได้ การรักษานี้มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น อาจกระทบการยิ้มหรือทำให้หนังตาตกหากฉีดผิดพลาด
ต้องใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผลจากการฉีด Botox?
โดยทั่วไป จะเริ่มเห็นผลลัพธ์บางส่วนภายใน 2-3 วัน แต่จะเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
ผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นและเห็นผลเต็มที่ที่สุดในวันที่ 14 หลังการฉีด ด้วยเหตุนี้ จึงแนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่อย่างสมบูรณ์
ระยะเวลาที่ Botox เริ่มออกฤทธิ์และเห็นผลลัพธ์เต็มที่
โดยทั่วไป Botox จะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นในช่วง 7-10 วัน และผลลัพธ์จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในราววันที่ 14 หลังการฉีด ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้ฉีด Botox ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันงานสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่อย่างสมบูรณ์
ผลลัพธ์จากการฉีด Botox อยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จากการฉีด Botox จะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน
เมื่อครบ 3 เดือน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตเห็นว่ากล้ามเนื้อกลับมาเคลื่อนไหวได้และริ้วรอยเริ่มกลับมาปรากฏอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีผลลัพธ์ยาวนานถึง 5-6 เดือน ในขณะที่บางคนอาจเห็นผลลดลงในเวลาเพียง 2 เดือน โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดครั้งแรกหรือมีกล้ามเนื้อที่ทำงานหนัก
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา ได้แก่ การเผาผลาญของร่างกาย การทำงานของกล้ามเนื้อ และการฉีดซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาจช่วยยืดอายุผลลัพธ์ให้นานขึ้นได้
ราคาและค่าใช้จ่ายในการฉีด Botox ลดริ้วรอยอยู่ที่เท่าไหร่?
ราคาและค่าใช้จ่ายในการฉีดโบท็อกซ์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่โดยทั่วไปจะคิดราคาตามจำนวนยูนิตที่ใช้หรือตามบริเวณที่ทำการรักษา
ปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคามีดังนี้:
- จำนวนยูนิต: บริเวณที่ต้องการรักษาหรือกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าจะต้องการจำนวนยูนิตที่มากกว่า
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือคลินิกที่มีชื่อเสียงอาจมีราคาสูงกว่า
- ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์: คลินิกในเมืองใหญ่มักมีราคาสูงกว่าในเมืองเล็ก
- ยี่ห้อของโบท็อกซ์: โบท็อกซ์จากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก (เช่น Allergan) อาจมีราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่น
ควรระมัดระวังราคาที่ต่ำจนน่าสงสัย เพราะอาจเป็นสัญญาณของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือถูกเจือจางมากเกินไป
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา: ยี่ห้อ จำนวนยูนิต และความเชี่ยวชาญของแพทย์
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาโบท็อกซ์ ได้แก่ ยี่ห้อของผลิตภัณฑ์, จำนวนยูนิตที่ใช้, ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ และที่ตั้งของคลินิก
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวม ดังนี้:
- จำนวนยูนิต: เป็นปัจจัยหลักในการกำหนดราคา ยิ่งใช้จำนวนยูนิตมากสำหรับกล้ามเนื้อที่แข็งแรงหรือรักษาหลายบริเวณ ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งสูงขึ้น
- ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ: แพทย์ที่ได้รับการรับรองและมีประสบการณ์สูงมักคิดค่าบริการสูงกว่า เพื่อสะท้อนถึงทักษะและความเชี่ยวชาญ
- ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์: คลินิกในเมืองใหญ่มักมีราคาสูงกว่าคลินิกในเมืองเล็ก
- ยี่ห้อของผลิตภัณฑ์: ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่แตกต่างกัน เช่น Botox ของ Allergan เทียบกับยี่ห้อที่ผลิตในเกาหลี อาจมีราคาที่แตกต่างกัน
ตารางเปรียบเทียบราคา Botox ลดริ้วรอยโดยประมาณในแต่ละบริเวณ
ตารางด้านล่างนี้แสดง ราคาประเมินโดยประมาณสำหรับการฉีด Botox ในแต่ละบริเวณ โดยอิงจากจำนวนยูนิตที่ใช้และราคาต่อยูนิตในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมักอยู่ที่ 350 – 700 บาท ต่อ ยูนิต
บริเวณที่ฉีด | จำนวนยูนิตโดยประมาณ | ราคาประเมิน |
---|---|---|
หว่างคิ้ว (Glabellar Lines) | ~20 ยูนิต | 9,690 – 12,920 บาท |
หน้าผาก (Forehead Lines) | ~20 – 40 ยูนิต | 9,690 – 19,380 บาท |
ตีนกา (Crow’s Feet) | ~12 – 24 ยูนิต | 7,752 – 16,150 บาท |
สันจมูก (Bunny Lines) | ~5 – 10 ยูนิต | 3,230 – 8,075 บาท |
3 บริเวณ (หน้าผาก, หว่างคิ้ว, ตีนกา) | – | 19,380 – 38,760 บาท |
ราคาดังกล่าวอาจแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของคลินิก ประสบการณ์ของผู้ให้บริการ และยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ใช้
วิธีเตรียมตัวก่อนและดูแลตัวเองหลังการฉีด Botox
การเตรียมตัวก่อนฉีด Botox คือการงดยาและอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย ส่วนการดูแลตัวเองหลังฉีดคือการหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณที่ฉีดและการออกกำลังกายหนัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดผลข้างเคียง
การเตรียมตัวก่อนฉีด
- งดยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และอาหารเสริม เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี แปะก๊วย และกระเทียม เป็นเวลา 1 สัปดาห์เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- ควรมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง
- วางแผนฉีดล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนมีงานสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่และรอยช้ำ (ถ้ามี) หายไป
การดูแลตัวเองหลังฉีด
- ห้ามนอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของตัวยา
- ห้ามนวด กด หรือถูบริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 12-24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในวันแรก
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในคืนแรกหลังฉีด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของรอยช้ำ
- สามารถใช้ชีวิตประจำวันเบาๆ ได้ตามปกติ และสามารถประคบเย็นเบาๆ หากมีอาการบวมเล็กน้อย
ข้อควรปฏิบัติเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันฉีด
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
ข้อควรปฏิบัติอื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันฉีด ได้แก่
- งดยาและอาหารเสริม: ควรหยุดยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และนาพรอกเซน รวมถึงอาหารเสริม เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี แปะก๊วย และกระเทียม เป็นเวลา 2-3 วันก่อนฉีด
- งดแอลกอฮอล์: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงก่อนการรักษา
- ทำความสะอาดใบหน้า: ควรมาพบแพทย์ด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง
- วางแผนล่วงหน้า: แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันงานสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่อย่างเต็มที่
- รักษาสุขภาพ: หากรู้สึกไม่สบาย มีผื่น หรือมีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด ควรเลื่อนนัดออกไปก่อน
ข้อห้ามสำคัญหลังการฉีด Botox เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานที่สุด
ข้อห้ามสำคัญหลังการฉีดโบท็อกซ์คือการหลีกเลี่ยงการกดทับหรือนวดบริเวณที่ฉีด งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนสูง และงดการออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่นและช่วยให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามอื่นๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ได้แก่:
- ห้ามนอนราบ: ควรนั่งหรือยืนตัวตรงเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ยาเคลื่อนที่
- ห้ามนวดหรือถู: บริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 12-24 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ยากระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการได้
- งดออกกำลังกายหนัก: รวมถึงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อน เช่น ซาวน่า โยคะร้อน หรือการอาบน้ำร้อนจัด เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์: ในวันแรกหลังฉีด เพราะแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำได้
- งดการทำทรีตเมนต์ใบหน้า: เช่น การนวดหน้าหรือทำเลเซอร์ เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 วัน
เช็กลิสต์ 3 ข้อในการประเมินความน่าเชื่อถือของคลินิก
ในการประเมินความน่าเชื่อถือของคลินิก ควรพิจารณาจาก คุณสมบัติของผู้ให้บริการ กระบวนการให้คำปรึกษา และมาตรฐานความปลอดภัยของคลินิก
- ตรวจสอบคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้ให้บริการ: ควรเลือกแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ (Board-certified) และมีประสบการณ์ในการฉีดโดยตรง ควรสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์และจำนวนเคสที่เคยทำเพื่อความมั่นใจ
- ประเมินกระบวนการให้คำปรึกษา: คลินิกที่น่าเชื่อถือจะมีการประเมินโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด อธิบายขั้นตอนการรักษา ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่เป็นไปได้อย่างชัดเจน โดยไม่เร่งรัดหรือกดดันให้ตัดสินใจ
- สังเกตมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม: คลินิกต้องสะอาด ใช้เทคนิคปลอดเชื้อ และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่สามารถตรวจสอบได้ ควรหลีกเลี่ยงคลินิกที่จัดโปรโมชั่นราคาถูกเกินจริง หรือให้บริการในสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่สถานพยาบาล
References
- AMBRDFCS. (n.d.). AMBRDFCS. ambrdfcs.org.
- American Med Spa Association. (n.d.) American Med Spa Association. americanmedspa.org.
- Bookimed. (n.d.). Bookimed. bookimed.com.
- Cleveland Clinic. (n.d.) Cleveland Clinic. clevelandclinic.org.
- Cosmopolitan. (n.d.) Cosmopolitan. cosmopolitan.com.
- Diaminy. (n.d.) Diaminy. diaminy.com.
- Direct Aesthetics. (n.d.) Direct Aesthetics. direct-aesthetics.com.
- FlyMedi. (n.d.) FlyMedi. flymedi.com.
- FOCUS Online. (n.d.). Homepage. FOCUS Online. focus.de.
- Healthline. (n.d.). Homepage. Healthline. healthline.com.
- HIZH. (n.d.). Homepage. HIZH. hizh.cn.
- Infinite Medical Spa. (n.d.). Homepage. Infinite Medical Spa. infinitemedicalspa.com.
- Mayo Clinic Health System. (n.d.) Mayo Clinic Health System. mayoclinichealthsystem.org.
- Medica Depot. (n.d.) Medica Depot. medicadepot.com..