Ulthera กับ Ultraformer: เปรียบเทียบความแตกต่างทั้งหมดที่คุณต้องรู้
Ulthera กับ Ultraformer คืออะไร? เปรียบเทียบเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน
Ulthera และ Ultraformer คือเทคโนโลยีอัลตราซาวด์เพื่อการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งมีความแตกต่างกันในด้านเทคโนโลยีหลัก ประเทศผู้ผลิต และการแสดงผลแบบเรียลไทม์
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Ulthera และ Ultraformer:
หัวข้อ | Ulthera (Ultherapy) | Ultraformer |
---|---|---|
เทคโนโลยีหลัก | MFU-V (Micro-focused Ultrasound with Visualization) | MMFU (Micro and Macro Focused Ultrasound) |
จุดเด่น | มีจอภาพแสดงผลแบบเรียลไทม์ (DeepSEE) ช่วยให้แพทย์มองเห็นและรักษาชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ | ไม่มีจอภาพแสดงผลแบบเรียลไทม์ อาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการกำหนดเป้าหมาย |
ระดับความลึก | 1.5, 3.0, 4.5 มม. เน้นการรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอ | มีหัวยิงหลากหลายตั้งแต่ 1.5 มม. ถึง 13 มม. ใช้ได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย |
ประเทศผู้ผลิต | สหรัฐอเมริกา | เกาหลีใต้ |
การรับรอง | ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) | ไม่ได้รับการรับรองจาก US FDA แต่ผ่านการรับรองในเกาหลี (KFDA/MFDS) และยุโรป (CE Mark) |
นิยามของ Ulthera: เทคโนโลยียกกระชับ MFU-V
Ulthera คือเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์แบบเน้นเฉพาะจุดพร้อมระบบสร้างภาพ (Micro-focused Ultrasound with Visualization หรือ MFU-V) ซึ่งเป็นเครื่องมือยกกระชับผิวแบบไม่ผ่าตัดที่พัฒนาขึ้นในสหรัฐอเมริกา
เทคโนโลยีนี้จะส่งพลังงานอัลตราซาวด์ไปยังชั้นผิวหนังที่ความลึก 1.5, 3.0 และ 4.5 มิลลิเมตร เพื่อสร้างจุดความร้อนในชั้นหนังแท้ส่วนลึกและชั้น SMAS ซึ่งจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวค่อยๆ ตึงกระชับขึ้น จุดเด่นของ Ulthera คือเทคโนโลยีการสร้างภาพอัลตราซาวด์แบบเรียลไทม์ (DeepSEE) ที่ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวที่ต้องการรักษาและทำการรักษาได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ทั้งนี้ Ulthera เป็นเครื่อง MFU-V เพียงเครื่องเดียวที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) สำหรับการยกกระชับบริเวณคิ้ว คอ ใต้คาง และลดเลือนริ้วรอยบริเวณเนินอก
นิยามของ Ultraformer: เทคโนโลยี MMFU เพื่อผลลัพธ์ที่หลากหลาย
Ultraformer คือเครื่องมือยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง (HIFU) จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ใช้เทคโนโลยี MMFU (Micro and Macro Focused Ultrasound) ซึ่งมีความโดดเด่นในการส่งพลังงานได้ทั้งในระดับตื้น (Micro) และระดับลึก (Macro)
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ Ultraformer สามารถดูแลผิวได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ตั้งแต่การยกกระชับผิวหน้าและลดเลือนริ้วรอย ไปจนถึงการกระชับสัดส่วนและลดไขมันตามร่างกาย ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีความหลากหลายในการใช้งาน
Ulthera กับ Ultraformer แตกต่างกันอย่างไร? 5 ข้อเปรียบเทียบหลัก
Ulthera และ Ultraformer แตกต่างกันที่เทคโนโลยีแสดงผลแบบเรียลไทม์ ประเทศผู้ผลิต การรับรองจาก FDA และความหลากหลายในการใช้งาน โดยมี 5 ข้อเปรียบเทียบหลักดังนี้:
- เทคโนโลยี: Ulthera มีเทคโนโลยี MFU-V พร้อมหน้าจอแสดงภาพชั้นผิวแบบเรียลไทม์ (DeepSEE) ทำให้แพทย์ยิงพลังงานได้แม่นยำและปลอดภัยสูง ในขณะที่ Ultraformer ไม่มีหน้าจอแสดงผล จึงอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นหลัก
- การรับรองและประเทศผู้ผลิต: Ulthera ผลิตในสหรัฐอเมริกา และเป็นเครื่องเดียวที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (US FDA) สำหรับการยกกระชับ ส่วน Ultraformer ผลิตในเกาหลีใต้ ได้รับการรับรองจาก อย. เกาหลี (KFDA) และมาตรฐานยุโรป (CE Mark) แต่ไม่ผ่านการรับรองจาก US FDA
- การใช้งานและหัวยิง: Ulthera เน้นการยกกระชับใบหน้าและลำคอเป็นหลัก แต่ Ultraformer มีความหลากหลายมากกว่า ด้วยหัวยิงหลายระดับความลึกที่สามารถใช้ได้ทั้งยกกระชับใบหน้า ลดริ้วรอยรอบดวงตา และสลายไขมันตามร่างกาย
- ผลลัพธ์และระยะเวลา: ผลลัพธ์ของ Ulthera จะเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 6 เดือน และคงอยู่ได้นาน 1-1.5 ปี ในขณะที่ Ultraformer จะเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 3 เดือน และคงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- ค่าใช้จ่าย: โดยทั่วไป Ulthera มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและจัดเป็นทรีตเมนต์ระดับพรีเมียม ส่วน Ultraformer มักมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า
1. หลักการทำงานและเทคโนโลยี
Ulthera ใช้เทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจงพร้อมการสร้างภาพ (MFU-V) ในขณะที่ Ultraformer ใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์แบบ Micro and Macro Focused Ultrasound (MMFU) ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้
- Ulthera: มีจุดเด่นคือเทคโนโลยี DeepSEE ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงภาพชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นและยิงพลังงานไปยังชั้นผิวหนังแท้และชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่สำหรับยกกระชับผิว
- Ultraformer: ใช้เทคโนโลยี MMFU ที่มีหัวยิงหลากหลายความลึก ตั้งแต่หัวยิงแบบ Micro สำหรับยกกระชับใบหน้า ไปจนถึงหัวยิงแบบ Macro สำหรับสลายไขมันและกระชับผิวตามร่างกาย ทำให้ใช้งานได้หลากหลายกว่า แต่จะไม่มีหน้าจอแสดงภาพแบบเรียลไทม์
เทคโนโลยี MFU-V ของ Ulthera คืออะไร?
เทคโนโลยี MFU-V คือ เทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์ที่เน้นพลังงานเป็นจุดเล็กๆ ร่วมกับการแสดงภาพแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเครื่อง Ulthera เทคโนโลยีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวเป้าหมายได้ตลอดเวลาขณะทำการรักษาผ่านหน้าจอที่เรียกว่า DeepSEE ทำให้สามารถส่งพลังงานได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี MMFU ของ Ultraformer คืออะไร?
เทคโนโลยี MMFU (Micro and Macro Focused Ultrasound) คือเทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง ที่เครื่อง Ultraformer ใช้เพื่อส่งพลังงานไปยังชั้นผิวต่างๆ สำหรับการยกกระชับผิวและสลายไขมันส่วนเกิน เทคโนโลยีนี้แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ
- Micro Focused Ultrasound: ส่งพลังงานไปยังชั้นผิวหนังแท้ระดับตื้น (ความลึก 1.5, 3.0, 4.5 มม.) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิวหน้าโดยเฉพาะ
- Macro Focused Ultrasound: ส่งพลังงานไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังที่ลึกขึ้น (ความลึก 6, 9, 13 มม.) เพื่อสลายไขมันและกระชับสัดส่วนตามร่างกาย
2. ระดับความลึกและจุดโฟกัสของพลังงาน
Ulthera ส่งพลังงานได้อย่างแม่นยำที่ 3 ระดับความลึก ในขณะที่ Ultraformer มีหัวยิงที่หลากหลายกว่า ครอบคลุมความลึกได้หลายระดับตั้งแต่ผิวชั้นตื้นไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
- Ulthera: เน้นส่งพลังงานไปที่ความลึก 1.5, 3.0 และ 4.5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นระดับความลึกถึงชั้นผิวหนังแท้และชั้น SMAS ทำให้เกิดจุดความร้อน (Thermal Coagulation Points) ที่มีขนาดเล็กและสม่ำเสมอ เพื่อการยกกระชับผิวโดยเฉพาะ
- Ultraformer: ใช้เทคโนโลยี MMFU ที่มีหัวยิงหลายระดับความลึก ตั้งแต่ 1.5 มิลลิเมตร ไปจนถึง 13 มิลลิเมตร ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งกับใบหน้า (หัวยิง Micro) และร่างกายเพื่อสลายไขมัน (หัวยิง Macro) นอกจากนี้ยังมีหัวยิงพิเศษ 2.0 มิลลิเมตรสำหรับลดริ้วรอยตื้นๆ รอบดวงตาโดยเฉพาะ
3. หน้าจอแสดงผลแบบ Real-time Visualization
Ulthera เป็นเครื่องเดียวที่มีเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลแบบ Real-time Visualization ซึ่งช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวหนังที่ต้องการรักษาได้แบบเรียลไทม์
เทคโนโลยีนี้มีชื่อว่า DeepSEE® ซึ่งใช้การอัลตราซาวนด์เพื่อแสดงภาพชั้นผิวหนังลึก (SMAS) บนหน้าจอ ทำให้แพทย์สามารถปล่อยพลังงานได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย โดยหลีกเลี่ยงโครงสร้างสำคัญ เช่น กระดูก ในทางกลับกัน Ultraformer ไม่มีหน้าจอแสดงผลแบบเรียลไทม์ แพทย์จึงต้องอาศัยความรู้ทางกายวิภาคและเทคนิคในการกำหนดความลึกของการรักษา
4. ความรู้สึกขณะทำและระดับความเจ็บ
ทั้ง Ulthera และ Ultraformer ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยมักบรรยายความรู้สึกว่าเหมือนมีเข็มร้อนๆ แทงลงไปใต้ผิวหรือรู้สึกปวดลึกๆ ขณะปล่อยพลังงาน
- Ulthera: ผู้รับบริการมักรู้สึกเจ็บแปลบๆ ร้อนๆ หรือปวดลึกๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้หัวยิงที่ลงลึกถึงชั้น SMAS (4.5 มม.) ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าหัวยิงระดับอื่น
- Ultraformer: ให้ความรู้สึกคล้ายกัน แต่เครื่องรุ่นใหม่ๆ ได้รับการพัฒนาให้ยิงเร็วขึ้นและปรับพลังงานให้เหมาะสม ทำให้เจ็บน้อยลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเทคโนโลยี HIFU รุ่นก่อนหน้า และผู้ใช้บริการบางรายรู้สึกว่าทนได้ง่ายกว่า
เพื่อลดความเจ็บปวด ก่อนทำหัตถการทั้งสองชนิด แพทย์มักใช้ยาชาแบบทาและอาจให้ยาแก้ปวดร่วมด้วย สำหรับ Ulthera ในบางกรณีอาจมีการใช้ยาชาเฉพาะจุด (nerve blocks) หรือยาคลายกังวลสำหรับผู้ที่ไวต่อความเจ็บปวดมาก
5. ประเทศผู้ผลิตและมาตรฐานการรับรอง
Ulthera ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วน Ultraformer ผลิตในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งทั้งสองเครื่องมีมาตรฐานการรับรองที่แตกต่างกัน
- Ulthera: เป็นเครื่องมือที่พัฒนาในสหรัฐฯ และเป็นเครื่องยกกระชับด้วยคลื่นอัลตราซาวด์เพียงชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน CE Mark ในยุโรป และการรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพในอีกหลายประเทศ เช่น แคนาดา ญี่ปุ่น และจีน
- Ultraformer: เป็นเครื่องมือที่ผลิตในเกาหลีใต้โดยบริษัท Classys Inc. ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของเกาหลีใต้ (KFDA/MFDS) และจีน (NMPA) รวมถึงมีเครื่องหมาย CE Mark สำหรับใช้ในยุโรป แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA
การเปรียบเทียบผลข้างเคียง: Ulthera กับ Ultraformer มีข้อเสียอะไรบ้าง?
ทั้ง Ulthera และ Ultraformer มีผลข้างเคียงที่คล้ายคลึงกันและไม่รุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้เอง โดยทั้งสองเครื่องถือว่ามีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้มีดังนี้:
- Ulthera:
- ผลข้างเคียงทั่วไป: อาการบวมแดงเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
- ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย: อาจมีรอยช้ำ อาการชา หรือรู้สึกเจ็บแปลบๆ ชั่วคราว ซึ่งจะหายไปในไม่กี่วันถึงสองสัปดาห์
- ผลข้างเคียงที่พบได้ยากมาก: อาจเกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว (เช่น มุมปากตก) ซึ่งจะหายได้เองใน 1-6 สัปดาห์ หรือรอยไหม้บนผิวหนังหากใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง
- Ultraformer:
- ผลข้างเคียงทั่วไป: มีอาการบวมแดงเล็กน้อยคล้ายกับ Ulthera และหายได้เองอย่างรวดเร็ว
- ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย: อาจมีอาการปวดระบมในบริเวณที่ทำ มีรอยช้ำ หรืออาการชาชั่วคราว
- ความเสี่ยงทางทฤษฎี: มีความเสี่ยงที่ไขมันบนใบหน้าอาจฝ่อตัวลงหากใช้พลังงานสูงเกินไปในผู้ที่มีใบหน้าผอมบาง แต่สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการใช้เทคนิคที่ถูกต้อง
โดยรวมแล้ว ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากทั้งสองเครื่องมือนั้นพบได้น้อยมาก (น้อยกว่า 2%) และมักเกี่ยวข้องกับเทคนิคการรักษาที่ไม่เหมาะสมมากกว่าตัวเครื่องเอง
อาการบวมหลังทำ Ulthera กับ Ultraformer แตกต่างกันหรือไม่?
อาการบวมหลังทำ Ulthera และ Ultraformer ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยทั้งสองเครื่องจะทำให้เกิดอาการบวมเล็กน้อยและรอยแดงได้ชั่วคราว ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของผิว อาการบวมมักจะหายไปเองภายใน 1-3 วัน และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที
ความเสี่ยงและข้อควรระวังของแต่ละเครื่องมือคืออะไร?
ทั้ง Ulthera และ Ultraformer มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่คล้ายคลึงกัน โดยส่วนใหญ่เป็นอาการเพียงชั่วคราวและเกิดขึ้นเฉพาะที่ เช่น อาการบวมแดง และพบภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้น้อยมาก (น้อยกว่า 2%) เมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
Ulthera
- ความเสี่ยงและผลข้างเคียง:
- อาการทั่วไป: อาการบวม แดง รู้สึกเจ็บแปลบ หรือชาเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่วันถึงสองสัปดาห์
- อาการที่พบได้น้อย: กล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว (เช่น มุมปากตก) หรือรอยไหม้บนผิวหนัง ซึ่งมักเกิดจากการใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้องและสามารถป้องกันได้
- ข้อควรระวัง:
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโลหะฝังในร่างกาย (เช่น รากฟันเทียม) สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีแผลเปิดหรือมีการติดเชื้อที่ผิวหนัง
- ควรระมัดระวังในผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด หรือมีผิวที่หย่อนคล้อยรุนแรงมาก
Ultraformer
- ความเสี่ยงและผลข้างเคียง:
- อาการทั่วไป: ปวดระบมในบริเวณที่ทำ มีรอยช้ำ หรืออาการชา ซึ่งจะหายไปเองในไม่กี่สัปดาห์
- อาการที่พบได้น้อย: มีความเสี่ยงที่ไขมันบนใบหน้าอาจฝ่อตัวลงหากใช้พลังงานสูงเกินไปในคนที่มีไขมันน้อย แต่สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการเลือกหัวยิงที่เหมาะสม
- ข้อควรระวัง:
- ควรหลีกเลี่ยงการทำบริเวณต่อมไทรอยด์โดยตรง และต้องใช้ความระมัดระวังในผู้ที่เป็นโรคหัวใจรุนแรง หรือผู้ที่ใช้ยา Isotretinoin (Accutane)
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรงมาก
เปรียบเทียบผลลัพธ์: Ulthera กับ Ultraformer แบบไหนเห็นผลและอยู่นานกว่ากัน?
โดยทั่วไป Ulthera ให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนานกว่า คือประมาณ 1-1.5 ปี ในขณะที่ผลลัพธ์ของ Ultraformer จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ส่วนในด้านการเห็นผล ทั้งสองเครื่องจะเริ่มแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจนในช่วง 2-3 เดือนหลังทำเหมือนกัน
- Ulthera:
- การเห็นผล: เริ่มเห็นผลชัดเจนใน 2-3 เดือน และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ที่สุดในช่วง 6 เดือนหลังทำ
- ความคงทน: ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-1.5 ปี และบางรายอาจนานถึง 2 ปี ทำให้มักแนะนำให้ทำซ้ำทุก 1 ปี หรือ 1.5 ปี
- Ultraformer:
- การเห็นผล: อาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยตั้งแต่ 4-6 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ที่ประมาณ 3 เดือน
- ความคงทน: ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน และอาจต้องทำซ้ำบ่อยกว่า Ulthera เพื่อคงสภาพผิวไว้
ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลลัพธ์
โดยทั่วไป จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเวลาประมาณ 2-3 เดือนหลังการรักษา สำหรับทั้ง Ulthera และ Ultraformer เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเต็มที่
- Ulthera: การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดจะเริ่มปรากฏในช่วง 2-3 เดือน และจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับสูงสุดในเดือนที่ 6
- Ultraformer: อาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยได้ตั้งแต่ 4-6 สัปดาห์แรก และผลลัพธ์จะชัดเจนเต็มที่ในเดือนที่ 3
ผลลัพธ์ของ Ulthera อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์ของ Ulthera อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง แต่ผู้ป่วยบางรายอาจเห็นผลลัพธ์ยาวนานถึง 2 ปี
โดยทั่วไป ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วง 6 เดือนหลังการรักษา และจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยเหตุนี้ แพทย์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุกๆ 1 ปี หรือ 1.5 ปี เพื่อคงสภาพผลลัพธ์ไว้
ผลลัพธ์ของ Ultraformer อยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ของ Ultraformer จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและกระบวนการเสื่อมสภาพของผิวในแต่ละบุคคล
ในผู้ป่วยบางรายที่มีสภาพผิวดี ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน โดยเฉพาะเมื่อมีการทำทรีตเมนต์เพื่อคงสภาพผิวร่วมด้วย โดยทั่วไปแล้ว ผู้รับบริการมักจะกลับมาทำซ้ำเมื่อสังเกตเห็นว่าผลการยกกระชับเริ่มลดลง
เปรียบเทียบราคา: ค่าใช้จ่ายของ Ulthera กับ Ultraformer แตกต่างกันเท่าไหร่?
โดยทั่วไปแล้ว Ultraformer มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า Ulthera เมื่อเทียบในบริเวณการรักษาที่ใกล้เคียงกัน
Ulthera ถูกจัดเป็นหัตถการระดับพรีเมียมเนื่องจากต้นทุนของหัวยิงและอุปกรณ์ที่สูงกว่า ในขณะที่ Ultraformer มีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าและมีการแข่งขันในตลาดมากกว่า ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคาสุดท้าย ได้แก่ สถานที่ตั้งของคลินิก ประสบการณ์ของผู้ให้บริการ และจำนวนช็อตที่ใช้ในการรักษา
ปัจจัยที่กำหนดราคาของ Ulthera
ปัจจัยหลักที่กำหนดราคาของ Ulthera คือ ขอบเขตของบริเวณที่ทำ จำนวนไลน์ที่ยิง สถานที่ตั้งของคลินิก และความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อราคาโดยตรง ดังนี้:
- ขอบเขตการรักษาและจำนวนไลน์: การทำทรีตเมนต์ในบริเวณกว้าง เช่น ทั่วใบหน้าและลำคอ จะมีราคาสูงกว่าการทำเฉพาะส่วน เช่น ยกคิ้วหรือใต้คาง เนื่องจากต้องใช้จำนวนไลน์ (shots) ที่มากกว่า
- สถานที่และผู้ให้บริการ: คลินิกในเมืองใหญ่มักมีราคาสูงกว่าคลินิกในเมืองเล็ก นอกจากนี้ แพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์สูงอาจคิดค่าบริการสูงกว่า
- ต้นทุนของเครื่องและอุปกรณ์: หัวยิง (Transducer) ของ Ulthera เป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่มีต้นทุนคงที่จากบริษัทผู้ผลิต ซึ่งคลินิกจะนำต้นทุนส่วนนี้มารวมในราคาค่าบริการ ทำให้เป็นทรีตเมนต์ที่มีราคาสูงโดยธรรมชาติ
ปัจจัยที่กำหนดราคาของ Ultraformer
ปัจจัยหลักที่กำหนดราคาของ Ultraformer คือขอบเขตของพื้นที่ที่ทำการรักษา (จำนวนช็อต), ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และราคาในตลาดท้องถิ่น, และประเภทของคลินิกที่ให้บริการ โดยทั่วไปแล้ว Ultraformer มักมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า Ulthera สำหรับพื้นที่การรักษาที่เทียบเท่ากัน
ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคา ได้แก่
- ขอบเขตการรักษา: การรักษาพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ทั่วใบหน้าและลำคอ จะมีราคาสูงกว่าการรักษาเฉพาะจุด เนื่องจากต้องใช้จำนวนช็อตที่มากกว่า
- ที่ตั้งและประเภทของคลินิก: ราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและเมือง โดยคลินิกในเอเชียอาจมีราคาที่ต่ำกว่าในยุโรป นอกจากนี้ คลินิกเสริมความงามอาจเสนอราคาโปรโมชั่นที่ต่ำกว่าคลินิกศัลยกรรมพลาสติก
- แพ็กเกจการรักษา: การซื้อการรักษาเป็นแพ็กเกจสำหรับหลายครั้งมักจะช่วยลดต้นทุนต่อครั้งได้
- การแข่งขันในตลาด: Ultraformer มีการแข่งขันด้านราคาสูงกว่า ซึ่งมักทำให้ราคาโดยรวมต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องมืออื่น
ใครเหมาะกับ Ulthera และใครเหมาะกับ Ultraformer?
Ulthera เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยอย่างตรงจุดและเห็นผลชัดเจน ในขณะที่ Ultraformer เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาที่หลากหลาย ตั้งแต่ริ้วรอยเล็กๆ ไปจนถึงการกระชับสัดส่วนและลดไขมันเล็กน้อย
ผู้ที่เหมาะกับ Ulthera:
- ผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยเฉพาะจุดที่เห็นได้ชัด เช่น กรอบหน้าไม่คม แนวคอหย่อน หรือคิ้วตก
- ผู้ที่มีสัญญาณแห่งวัยในระดับเริ่มต้นถึงปานกลาง และต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่ต้องการการรักษาเพียงครั้งเดียวแต่ให้ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 1 ปี และต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัด
ผู้ที่เหมาะกับ Ultraformer:
- ผู้ที่กังวลเรื่องริ้วรอยเล็กๆ ในบริเวณที่บอบบาง เช่น รอบดวงตาและรอบปาก
- ผู้ที่ต้องการกระชับผิวเล็กน้อยทั้งบนใบหน้าและลำตัว เช่น ต้นแขน หรือหน้าท้อง
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเล็กน้อย หรือลดไขมันบางส่วน เช่น บริเวณใต้คาง
- ผู้ที่อาจมีความกังวลเรื่องความเจ็บและมองหาทางเลือกที่สบายผิวกว่า
ลักษณะปัญหาผิวที่เหมาะกับการทำ Ulthera
จากข้อมูลที่ให้มา Ulthera เหมาะที่สุดสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งต้องการการยกกระชับเฉพาะจุดและป้องกันความหย่อนคล้อยในอนาคต
โดยลักษณะปัญหาผิวที่เหมาะกับการทำ Ulthera ได้แก่:
- ความหย่อนคล้อยเฉพาะจุด: เช่น คิ้วตก กรอบหน้าไม่คมชัด ผิวบริเวณลำคอและใต้คางหย่อนคล้อย
- ริ้วรอยเล็กๆ: สามารถช่วยปรับปรุงริ้วรอยและผิวที่เหี่ยวย่นบริเวณเนินอก (Décolletage) ได้
- สัญญาณแห่งวัยระยะเริ่มต้น: เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีแก้มตกหรือผิวคอเริ่มเหี่ยว และต้องการยกกระชับผิว
- ผู้ที่มีสภาพผิวค่อนข้างดี: ได้ผลดีในผู้ที่มีผิวสุขภาพดีและยังมีความยืดหยุ่นอยู่
ทั้งนี้ Ulthera อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยรุนแรงมาก ซึ่งอาจต้องพิจารณาการผ่าตัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ลักษณะปัญหาผิวที่เหมาะกับการทำ Ultraformer
ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง มีริ้วรอยเล็กๆ หรือต้องการปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น คือกลุ่มที่เหมาะกับการทำ Ultraformer มากที่สุด
นอกจากนี้ Ultraformer ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะปัญหาดังนี้:
- ริ้วรอยในบริเวณที่บอบบาง: สามารถใช้หัวยิงขนาดเล็กเพื่อลดริ้วรอยตื้นๆ รอบดวงตาและรอบปากได้
- ความหย่อนคล้อยบริเวณลำตัว: เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยบริเวณหน้าท้อง, ท้องแขน หรือหัวเข่า
- ไขมันสะสมเฉพาะจุด: สามารถช่วยลดไขมันใต้คางหรือตามแนวกราม เพื่อให้กรอบหน้าดูคมชัดขึ้น
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป ดูไม่แข็ง และผู้ที่อาจกังวลเรื่องความเจ็บ
References
Peer-Reviewed & Academic Sources
- de Matos, J.A., Vieira, E.A.C., Carrera, E.T., et al. (n.d.). Important aspects of microfocused ultrasound: literature review. International Journal of Family & Community Medicine, 7, 145–149. MedCrave. https://medcraveonline.com
- Amiri, M., Ajasllari, G., Llane, A., et al. (n.d.). Microfocused Ultrasound With Visualization Effectiveness and Safety: A Systematic Review and Meta-Analysis. Aesthetic Surgery Journal, 45, NP86–NP94. Oxford University Press. https://academic.oup.com
- Contini, M., Hollander, M.H.J., Vissink, A., et al. (2023). A systematic review of the efficacy of microfocused ultrasound for facial skin tightening. International Journal of Environmental Research and Public Health, 20(3), 1522. MDPI. https://www.mdpi.com
- U.S. National Library of Medicine. PubMed Central Database. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov
Manufacturer & Technical Resources
- Classys Inc. (n.d.). Ultraformer III – Device Specifications Brochure. https://ultraformer.com
- Merz Aesthetics. (n.d.). Ultherapy Overview. https://www.ultherapy.com
Clinic & Practitioner Articles
- BalaBala Laser Clinic. (n.d.). Ultraformer MPT vs Ultraformer 3: Which Non-Surgical Facelift Is Right for You? https://balabalalaserclinic.com
- L’Esprit Medical Clinic. (n.d.). Ulthera vs Ultraformer. https://lespritclinic.com
- Visodent NYC. (2024). Ultherapy Pain Management Tips. https://visodentnyc.com